วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2558

10 การขจัดรอยเปื้อนบนเสื้อผ้า ง่ายนิดเดียว ลองดูสิ


น้ำยาซักผ้า

คราบเปื้อนบนเสื้อผ้าเป็นสิ่งที่สร้างความลำบากให้แม่บ้านจำนวนไม่น้อย เพราะไม่ว่าจะเป็นคราบสกปรกจากอะไร ก็ดูจะหาวิธีกำราบไม่ได้ง่าย ๆ ด้วยน้ำยาซักผ้าอย่างที่ใจคิด หนำซ้ำบางคราบสกปรกยังทิ้งรอยจาง ๆ ไว้บนเสื้อผ้าของเราไปตลอด ทำให้เราใส่เสื้อผ้าชิ้นนั้นด้วยความไม่มั่นใจหรืออาจต้องตัดใจทิ้งไปเลยก็มี แต่ต่อไปนี้คุณแม่บ้านทั้งหลายไม่ต้องกังวลกับบรรดาคราบสกปรกบนเสื้อผ้าอีกต่อไปแล้วล่ะ เพราะต่อให้เป็นคราบสกปรกกำจัดออกยากชนิดไหน ก็ต้องสยบให้การขจัดรอยเปื้อนบนเสื้อผ้า ตามวิธีต่อไปนี้แน่นอนจ้า

1. คราบหายเกลี้ยงไปกับแดดจัด ๆ
อาจจะดูเป็นวิธีที่เหลือเชื่อ แต่ได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่า เป็นวิธีที่เห็นผลจริง เพียงแค่คุณกำจัดคราบสกปรกอะไรก็ตามบนเสื้อผ้าตามวิธีของคุณให้เรียบร้อย จากนั้นก็นำผ้าไปตากแดดจัด ๆ สัก 2-3 ชั่วโมง แสงแดดที่เจิดจ้า และรังสียูวีที่ร้อนแรง จะช่วยดูดซับคราบสกปรกให้หายไปจากเสื้อผ้าของคุณได้อย่างหมดจดเลยล่ะ

2. ขนมปังช่วยกำจัดคราบลิปสติก
เคล็ดลับนี้น่าจะเหมาะกับหนุ่ม ๆ ที่แอบไปมีอุบัติเหตุให้คราบลิปสติกของผู้หญิงมาติดอยู่กับเสื้อได้ ซึ่งถ้าไม่อยากให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต แนะนำให้ปั้นขนมปังเป็นก้อน หรือจะพับให้หนาพอที่จะจับและขยี้กำจัดคราบลิปสติกได้ มาถูขนมปังกับคราบจนคราบจางหายไปให้ได้มากที่สุด จากนั้นก็นำเสื้อผ้าไปซักตามปกติได้เลยจ้า

3. คราบหมึกจางหายง่าย ๆ ด้วยสเปรย์แต่งผม
ถ้าเสื้อผ้าของคุณเปื้อนหมึกปากกา หรือหมึกชนิดใดก็แล้วแต่ ก่อนจะนำผ้าไปซักตามปกติ ให้ใช้สเปรย์แต่งผมที่มีอยู่ ฉีดลงไปบนคราบเปื้อนหมึกให้ชุ่ม แต่ถ้าไม่มีสเปรย์แต่งผม จะใช้เจลล้างมือแทนก็ได้เช่นกัน เมื่อละเลงบนคราบเรียบร้อยแล้ว ก็หมักทิ้งไว้อย่างนั้นสัก 10 นาที แล้วค่อยนำไปซักทำความสะอาดค่ะ

4. ขจัดคราบเปื้อนเลือดด้วยน้ำเย็น
สำหรับคราบเลือดที่ติดอยู่กับเสื้อผ้าตัวโปรดของเรา ก็สามารถกำจัดออกได้ง่าย ๆ ด้วยน้ำเย็นจัดกับสบู่ แต่ที่สำคัญต้องใช้ความรวดเร็วในการกำจัดคราบเลือด ตั้งแต่ที่เสื้อผ้าเปื้อนเลือดใหม่ ๆ ไม่เช่นนั้นหากคราบเลือดแห้งกรังแล้วจะยิ่งกำจัดออกยาก โดยเริ่มแรกให้คุณใช้กระดาษ หรือผ้าแห้งซับเลือดออกให้ได้มากที่สุด จากนั้นก็นำเสื้อไปแช่กับน้ำเย็นจัด เพื่อป้องกันโปรตีนในเลือดจับตัว แล้วก็ใช้สบู่ก้อนถูลงไปบนคราบเลือดให้ทั่ว หรือจะใช้น้ำยาซักผ้าป้ายลงไปบนคราบก็ได้ เสร็จแล้วก็ลงมือขยี้ผ้าเบา ๆ เพื่อกำจัดคราบ ถ้าคราบเลือดดูท่าจะไม่จางไปง่าย ๆ ให้เปลี่ยนจากสบู่และน้ำยาขจัดคราบ มาใช้ไฮโดรเจนเปอร์อ็อกไซด์แทนค่ะ

5. ขจัดคราบดินโคลนด้วยไฮโดรเจนเปอร์อ๊อกไซด์
ไฮโดรเจนเปอร์อ็อกไซด์ก็สามารถกำจัดคราบเปื้อนจากดินโคลน และสนามหญ้าได้ด้วย โดยผสมไฮโดรเจนเปอร์อ็อกไซด์ 2 ช้อนชา กับน้ำยาล้างจาน 1 ช้อนชา คนจนเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำมาป้ายลงบนคราบเปื้อนให้ทั่ว ทิ้งไว้สักพักแล้วค่อยนำเสื้อผ้าไปซักตามปกติ

6. ใช้ชอล์กซับคราบน้ำมันให้หมดจด
ถ้าเสื้อผ้าของคุณเปื้อนคราบน้ำมัน หรือคราบยางมะตอย เริ่มแรกให้หาชอล์กเขียนกระดานมา 1 แท่ง แล้วจะบดชอล์กเป็นผง ๆ หรือจะใช้แท่งชอล์กขีดลงไปบนคราบโดยตรงก็ได้ สารที่อยู่ในแท่งชอล์ก จะช่วยดูดซับน้ำมันออกจากเสื้อผ้าเราได้อย่างหมดจดเลยล่ะ

7. ดูดซับคราบอาหารด้วยแป้งฝุ่น
แป้งฝุ่นเองก็สามารถกำจัดคราบเปื้อนจากอาหาร และคราบสกปรกจากน้ำมันบนเสื้อผ้าเราได้เช่นกัน เพียงแค่โรยผงแป้งลงไปบนคราบเปื้อนให้ทั่ว หนา ๆ หน่อยก็ดี เพื่อให้แป้งฝุ่นดูดซับคราบสกปรกจากเสื้อผ้าเราไปให้หมด ก่อนจะนำเสื้อผ้าไปซักตามปกติ

8. กำจัดคราบเหลืองบนเสื้อผ้าด้วยน้ำมะนาว
สำหรับคราบเหลืองบนเสื้อผ้า ที่ติดฝังแน่นมานาน ลองใช้น้ำมะนาวผสมกับน้ำสะอาดในปริมาณที่เท่า ๆ กัน มาแช่ผ้าก่อนนำไปซักตามปกติก็ได้ วิธีง่าย ๆ แบบนี้จะช่วยให้คุณเบาแรงกับการกำจัดคราบลงไปได้เยอะเชียวล่ะ

9. น้ำเกลือช่วยสยบคราบเหลือง
คราบเหลือง ๆ บนเสื้อผ้ายังสามารถใช้เกลือ 1 ช้อนชาพูน ๆ ละลายกับน้ำร้อน แล้วนำมาราดลงบนคราบเหลืองที่ติดอยู่กับเสื้อผ้าสักพัก จากนั้นก็ค่อยนำผ้าไปซักตามปกติได้ด้วยนะจ๊ะ

10. คราบเหลืองกำจัดได้ด้วยแอมโมเนีย
ถ้าคราบเหลืองบนเสื้อผ้าฝังแน่นมาก ๆ และดูท่าทางจะกำจัดยาก ให้ลองผสมแอมโมเนียกับน้ำสะอาดในปริมาณเท่า ๆ กัน แล้วนำไปป้ายลงบนคราบสกปรกให้ชุ่ม ปล่อยทิ้งไว้สัก 10 นาที แล้วค่อยนำผ้าไปซักตามปกติ นอกจากนี้หลังซักเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ควรนำผ้าไปตากแดดจัด ๆ สัก 3-4 ชั่วโมง เพื่อให้รังสียูวีช่วยกำจัดคราบอีกแรง

วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

น้ำยาซักผ้าขาว อาจเป็นคำตอบสำหรับวิธีขจัดรอยเปื้อนบนเสื้อผ้าที่ขจัดยาก

คุณรู้มั้ย คราบหนัก...ซักยาก แม้จะใช้น้ำยาซักผ้า ซักผ้าให้ขาวสะอาดแค่ไหน ก็ยังคงหลงเหลือคราบ รอยเปื้อนเหลืองทิ้งความสกปรกให้คุณหนักใจ และไม่สามารถที่จะใส่ชุดเดิมได้อีกเพราะมันมีรอยเปื้อนฝังอยู่ คุณไม่อยากทิ้งชุดสวยไป เพราะมันมีรอยเปื้อนใช่มั้ย ซักผ้าขาวให้สะอาดนั้นคือคำตอบ
ลองมาดูว่าคราบสกปรกที่เราเจอส่วนมาก คืออะไร
?

เหนียวเกาะติด แน่นฝังลึก หนึบออกยาก คืออะไร?
คราบเหนียว ต้นเหตุหลักคือ “น้ำตาล” (Sugar-based stain)
คราบแน่น ได้แก่ คราบ “โปรตีน” (Protein-based stain)
และ คราบที่เกิดจาก “ความชื้น” (Dyed stain)
คราบหนึบ ตัวการสำคัญมาจาก “น้ำมัน” (Oil-based stain)
คราบหนัก...เหนียวเกาะติด แน่นฝังลึก หนึบออกยาก คือ ?
คราบเหนียว...ยากที่จะหลีกเลี่ยงต้นเหตุหลักคือ “น้ำตาล” (Sugar-based stain) เมื่อแห้งจะเกาะติดอยู่บนเนื้อผ้า เช่น

ไอศกรีม

ช็อกโกแลต

แยมสตอเบอร์รี่

คาราเมล

คราบแน่น...เจอบ่อยแน่...พวกคราบ “โปรตีน” (Protein-based stains) ที่มีความเข้มข้นคงตัว อีกทั้งคราบที่เกิดจาก “ความชื้น” (Dye stain)... เปื้อนปุ๊บ ติดแน่นปึ๊ก ฝังลึกทันที เช่น

ไวน์

หมึก

ดินโคลน

ซอส

น้ำส้ม

คราบหนึบ...ตัวการสำคัญมาจาก “น้ำมัน” (
Oil-based stain) ทั้งอิ่มตัวและไม่อิ่มตัว ความหนืดจากไขมัน แห้งเมื่อไร...เป็นไขติดหนึบซักออกยาก เช่น

แกง

เนย

น้ำมันพืช

น้ำสลัด

เหงื่อ

การขจัดรอยเปื้อนบนเสื้อผ้าด้วยผลิตภัณฑ์ซักผ้าเปาวินวอช ลิควิดใหม่พลังเข้มชนะคราบเด็ดขาด ..น้ำยาซักผ้าเปาวินวอช ลิควิด ใหม่ ซักผ้าขาว ผ้าสี แม้ผ้าจะหมองและคราบเหนียวแน่นแค่ไหนก็จัดการได้ด้วยสารทำความสะอาดสูตรเข้มข้น พบนวัตกรรมการซักผ้าสูตรใหม่ได้แล้ววันนี้

http://www.paowinwash.com/home.html
http://www.paowinwash.com/product.html

วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2558

13 ทริคง่ายๆ ซักผ้าขาวพิชิตคราบสกปรก ด้วยน้ำยาซักผ้า



1.ดูเรื่องอุณหภูมิ การกำหนดอุณหภูมิน้ำให้เหมาะสมกับเนื้อผ้าแต่ละชนิดเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การทำความสะอาดเสื้อผ้าง่ายและสะดวกขึ้น เช่นน้ำเย็นเหมาะสำหรับผ้าเนื้อบาง ผ้าที่หดตัวได้ง่าย ส่วนน้ำอุ่นเหมาะกับเนื้อผ้าที่มีความสกปรกระดับปานกลาง ส่วนน้ำร้อนนั้นเหมาะกับผ้าที่สกปรกมาก ใช้
ซักผ้าขาว

2.ทำอย่างไรให้ผ้าขาวสะอาด เมื่อผ้าสีขาวที่คุณสวมใส่กลายเป็นสีเทา หรือสีเหลืองนั้นอาจมาจากหลายสาเหตุ เช่นการใช้ผงซักฟอกที่ไม่มีประสิทธิภาพในการทำความสะอาด น้ำที่ซักมีอุณหภูมิต่ำเกินไป ดังนั้นคุณอาจใช้สารฟอกขาวช่วยในการซักผ้า

3.ป้องกันผ้าสีซีด มันเป็นเรื่องน่าเศร้าเมื่อกางเกงสีดำเข้มของคุณกลับซีดไม่เข้มสวยงามเหมือนเดิม ดังนั้นวิธีแก้ไขคือการกลับผ้าด้านในออกมาไว้ด้านนอกก่อนจะนำไปซักหรืออบแห้งเพื่อลดอาการสีตก และควรเช็คอุณหภูมิของน้ำด้วยว่าไม่ควรร้อนจนเกินไป โดยเช็คสลากที่ติดมากับเสื้อผ้าไปร่วมกัน

4.ป้องกันผ้าหด สาเหตุที่ทำให้ผ้าหดไม่ได้เกิดจากการอบผ้า แต่เกิดจากการซัก วิธีแก้ไขไม่ให้ผ้าหดตัวได้ดีที่สุดคือการใช้น้ำเย็นในการซักผ้า จากนั้นนำมันขึ้นมาตากและแขวน หรือถ้าจะใช้เครื่องเป่าให้มันแห้งก็อย่าตั้งอุณหภูมิสูง

5.ป้องกันผ้าสีตก วิธีทดสอบผ้าว่าสีตกหรือไม่ให้นำผ้านั้นไปแช่น้ำเปล่าก่อนนำเข้าเครื่องซักผ้า หากน้ำเปล่าสีใสๆ กลายเป็นสีเดียวกับเสื้อผ้าแสดงว่าคุณควรแยกซักผ้าชิ้นนั้นออกจากผ้าชิ้นอื่น

6.วิธีซักเสื้อชั้นใน วิธีที่เหมาะสมเมื่อคุณจะซักเสื้อชั้นในนั่นคือควรใส่ในถุงตาข่าย ไม่ควรโยนชุดชั้นในลงในเครื่องซักผ้าเพราะตะขอหรือสายเสื้อชั้นในอาจไปพันกันภายในเครื่องซักผ้า แต่วิธีที่ช่วยถนอมอายุชุดชั้นในได้ดีที่สุดคือการซักชุดชั้นในด้วยมือ ใช้น้ำยาซักผ้าแบบอ่อน ซักประมาณ 3-5 นาที หรือจะแช่น้ำยาซักชุดชั้นในไว้ประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น จากนั้นวางชุดชั้นในแบนราบกับผ้าขนหนู จากนั้นม้วนและบีบมันเบาๆ เพื่อให้ผ้าขนหนูช่วยซับน้ำออก

7.จำกัดสารซักฟอก หลายคนยังเชื่อว่าเวลาซักผ้าให้ใส่สารซักฟอก
น้ำยาซักผ้า หรือผงซักฟอกมากๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วผงซักฟอกน้อยดีกว่ามาก เพราะสารซักฟอกนั้นกลับไปสร้างคราบสกปรกบนเสื้อผ้าได้มากกว่า อีกอย่างหนึ่งคือ สารซักฟอกที่เทลงในเครื่องซักผ้ามันกลับไปติดข้างภายในเครื่องมากกว่าจะช่วยทำความสะอาดเสื้อผ้า

8.เรียงลำดับการซัก เวลาซักผ้าคุณควรเรียงสีเสื้อผ้า อุณหภูมิน้ำ คราบสกปรก เช่นผ้าขาวควรแยกมันออกไว้ต่างหาก โดยเฉพาะต้องแยกมันออกจากผ้าที่สีตกได้ง่าย ส่วนผ้าสีสว่างอาจจะแยกมันเป็นกลุ่มๆ เช่นสีพาสเทล สีสว่าง ส่วนผ้าสีดำก็แยกมันออกมาจากผ้าสีอื่นๆ ผ้าที่สกปรกมากก็ควรแยกมันออกมาเพราะมันอาจทำให้ผ้าชิ้นอื่นสกปรกไปด้วย

9.เลือกผงซักฟอกที่เหมาะสม สารซักฟอกแบบน้ำเหมาะสำหรับกำจัดคราบฝังแน่นหรือคราบอาหาร สำหรับสารซักฟอกแบบผงแป้งเหมาะกับเสื้อผ้าทั่วไป

10.อย่าลืมใส่น้ำยาปรับผ้านุ่ม ลดการเกิดรอยยับบนเนื้อผ้าด้วยการใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มจะเป็นแบบน้ำหรือแบบแผ่นก็ได้ แต่คุณควรละลายน้ำยาปรับผ้านุ่มให้เจือจางก่อนจะเทลงไป และห้ามเทน้ำยาปรับผ้านุ่มลงบนเนื้อผ้าโดยตรง

11.อย่าปล่อยเสื้อผ้าที่ซักทิ้งไว้ในเครื่องซักผ้านาน หากซักผ้าเสร็จแล้วให้รีบนำเสื้อผ้าออกจากเครื่องซักผ้าทันที เพราะหากทิ้งไว้นานเสื้อผ้าจะเกิดรอยยับได้ง่าย หรือจะตั้งเวลาซักแบบอัตโนมัติเพื่อไม่ให้ผ้านั้นแห้งจนเกินไป

12.ป้องกันคราบจับตัว สำหรับเสื้อผ้าที่มีคราบสกปรกฝังแน่น คุณอาจต้องแช่ผ้าชิ้นนั้นในน้ำก่อนเพื่อให้น้ำเย็นช่วยเจือจางคราบเหล่านั้นก่อนที่จะนำผ้าชิ้นนั้นใส่ลงไปในเครื่องซักผ้า

13.ตรวจตราถุงเท้า ถุงเท้าเป็นของใช้ชิ้นเล็กๆ ที่อาจหลุดไปอยู่ภายในท่อระบายน้ำได้ ดังนั้นเมื่อคุณซักเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ควรตรวจตราดูว่าถุงเท้าอยู่ครบจำนวนคู่ของมันก่อนที่คุณจะนำมันไปอบแห้ง รวมทั้งคุณไม่ควรนำถุงเท้าที่มีกลิ่นเหม็นอับมากลงไปซักในเครื่องซักผ้า แต่คุณควรแยกซัก

http://www.paowinwash.com/home.html

วันอังคารที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ขจัดคราบหนึบ เหงื่อไคลบนคอเสื้อ ด้วยน้ำยาซักผ้าขาว ง่ายนิดเดียว

ผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาวทั่วไป
ผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาวทั่วไปการซักผ้าให้ขาวสะอาด เป็นปัญหาใหญ่ของแม่บ้านจริงๆ โดยเฉพาะเมื่อคุณมีเจ้าตัวเล็กที่แสนจะซุกซน ทั้งคราบสกปรก และคราบเหงื่อไคล ที่สะสมอยู่ในเนื้อผ้า กว่าจะซักออกได้เล่นเอาหมดแรง ดังนั้น คุณแม่บ้านยุคใหม่จึงนิยมใช้ น้ำยาซักผ้าขาว ซึ่งเป็นตัวช่วยที่ดี นอกจากจะช่วยขจัดคราบฝังแน่นและสิ่งสกปรกแล้ว ยังช่วยในงานทำความสะอาดได้อีกด้วย    แต่ในวันนี้ เราจะมาดูกันว่า เจ้าผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาวทั่วไปมีอะไรกันบ้าง ที่นอกเหนือไปจากน้ำยาซักผ้าขาวที่เราคุ้นเคยกัน

ผลิตภัณฑ์ซักผ้าชนิดอื่นๆ
• น้ำยาฟอกผ้าขาว
• น้ำยาซักผ้าสำหรับเครื่อง
• น้ำยาฟอกผ้าขาวและผ้าสี
• น้ำยาขจัดคราบหมึกและน้ำมัน
• ผงซักฟอกสำหรับเครื่อง
• น้ำยากัดสนิม
• ผงฟอกผ้าขาวและผ้าสี
• น้ำยาขจัดคราบไขมัน
• ผงล้างผ้า
• น้ำยาขจัดเชื้อราในผ้า
• น้ำยาฆ่าเชื้อดับกลิ่นคาวผ้า
• ผงขจัดคราบยางผลไม้

ผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาวบางชนิด ก็ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่เราต้องใช้ แต่เหมาะสำหรับร้านรับซักรีดเสื้อผ้า ซึ่งจะมีลูกค้าหลากหลายอาชีพ มาใช้บริการ ทำให้ต้องเตรียมผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาวให้เหมาะสมกับคราบสกปรกที่ติดมากับตัวเสื้อ ซึ่งเดี๋ยวนี้ ร้านรับซักรีดเสื้อผ้า เป็นธุรกิจที่กำลังเจริญเติบโตไปในทางที่ดี เนื่องจากสังคมคนเมือง พักในอาคารชุด หรือหอพัก มักจะไม่สะดวกที่จะซักรีดเสื้อผ้าด้วยตัวเอง เนื่องจากบริเวณตากเสื้อไม่เพียงพอ อีกทั้งงานประจำทำให้หมดแรง จึงหันมาใช้บริการร้านซักรีดกันเป็นส่วนใหญ่


การใช้และการดูแลรักษาเสื้อผ้า

เพื่อเป็นการประหยัดเวลา เงินและ แรงงาน ที่จะต้องสิ้นเปลืองไปกับการดูแลรักษาเสื้อผ้า จึงควรยึด หลักการใช้และดูแลรักษาเสื้อผ้าดังนี้

1.เสื้อผ้าเมื่อ ใช้แล้ว ถ้าไม่ ซักทันทีจะทำให้ซักยากและอาจเกิดราหรือเป็นรอยได้
2.เสื้อผ้าที่สวมใส่ครั้งหนึ่งแล้วยังจะสวมได้ อีก ควรแขวนผึ่งแดดหรือลมไว้
3.เสื้อผ้าแต่ละชิ้น ซักรีดและเก็บรักษาไม่ เหมือนกัน เสื้อผ้าบางอย่างเมื่อซื้อมาจะมีคำแนะ นำเกี่ยว กับการซักรีด ควรปฏิบัติตามคำแนะนำ เพื่อช่วยรักษาเสื้อผ้าให้คงทนเสมอ
4.หาความรู้เกี่ยว กับการขจัดรอยเปื้อนที่มัก ประสบอยู่เป็นประจำ เพื่อเลือกวิธีที่ได้ผล ที่สุด
5.เสื้อผ้าที่จำเป็นต้องรีดเมื่อรีดเสร็จ แล้ว ควรปล่อยให้ความร้อนเกิดจากการรีดหายเป็นปรกติก่อน แล้วจึงเก็บเข้าตู้
6.เสื้อผ้าที่ซักรีดแล้ว ควรเก็บ ใส่ตู้เสื้อผ้าไว้ในที่อากาศเย็นและไม่ชื้น เพื่อป้องกัน มิให้เกิดเชื้อราและเสื้อผ้าเปื่อย
7.ควร จัดเก็บเสื้อ ผ้าไว้เป็นหมวดหมู่หรือประเภท เพื่อสะดวกใน การหยิบใช้ได้ง่าย และป้องกันการสูญหายหรือหาไม่พบ


เปา วินวอช

STAIN FIGHTER TRIPLE ACTIVE
รวม 3 พลังสารทำความสะอาดสูตรเข้มข้น
ขจัดคราบหนักซักยาก
คราบเหนียวเกาะติด คราบแน่นฝังลึก คราบหนึบออกยาก
ให้ผ้าขาวสะอาดดูเหมือนใหม่ พร้อมช่วยลดกลิ่นอับ เพิ่มกลิ่นหอมพิเศษ
สะอาดสดชื่นยาวนาน ซักได้ดีทั้ง ผ้าขาว และ ผ้าสีสดใส

แค่ป้ายลิควิดบนปกคอเสื้อ และแช่ทิ้งไว้สักพัก ก่อนเอาไปซัก เพียงเท่านี้คราบคอเสื้อที่ว่าซักยากมาก ก็จะหายเกลี้ยงในพริบตา

วันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2558

การขจัดรอยเปื้อนบนเสื้อผ้า สำหรับคราบที่ขจัดยากมากก


-เสื้อผ้าที่เปื้อนคราบเลือด
การขจัดรอยเปื้อนบนเสื้อผ้าโดยนำนมข้นทาทันที ทิ้งไว้สักครู่แล้วนำไปขยี้น้ำออก

-เสื้อผ้าที่เปื้อนคราบเลือดจางๆ
การขจัดรอยเปื้อนบนเสื้อผ้า
โดยใช้เบคกิ้งโซดาผสมน้ำสักเล็กน้อย จนแป้งข้นๆ ถูเบาๆ เมื่อแห้งจึงปัดฝุ่นออก

-เสื้อผ้าที่เปื้อนคราบเลือดฝังแน่น
การขจัดรอยเปื้อนบนเสื้อผ้าโดยใช้ฟองน้ำจุ่มน้ำเย็น ที่ผสมเกลือจนชุ่ม ถูเบาๆ จนรอยค่อยๆ จางลง แล้วใช้น้ำเปล่าถูอีกครั้ง สุดท้ายใช้ทิชชูซับน้ำให้แห้ง

-เสื้อผ้าที่เปื้อนคราบกาแฟ
การขจัดรอยเปื้อนบนเสื้อผ้าโดยใช้แป้งข้าวเจ้าถู แล้วซักได้ตามปกติ

-เสื้อผ้าที่เปื้อนคราบชอกโกแล็ต
การขจัดรอยเปื้อนบนเสื้อผ้าโดยรีบนำไปแช่น้ำอุ่นทันทีที่เปื้อน อาจใช้น้ำยาขจัดคราบฝังแน่น ช่วยด้วย จากนั้นนำไปซักแห้ง

-เสื้อผ้าที่เลอะคราบน้ำตาเทียน
การขจัดรอยเปื้อนบนเสื้อผ้าโดยใช้ก้อนน้ำแข็งขูดเกล็ดเทียนออกให้มากที่สุด จากนั้นจึงใช้กระดาษประกบบริเวณที่เปื้อนทั้ง 2 ด้าน แล้วใช้เตารีดอุ่นๆ รีดทับจนน้ำตาเทียนซึมออกมาติดกับกระดาษ

-เสื้อผ้าที่เลอะโคลน
การขจัดรอยเปื้อนบนเสื้อผ้าโดยปล่อยให้โคลนแห้ง ใช้แปรงปัดออก ซักด้วยน้ำเย็นหลายๆ ครั้ง จนไม่มีน้ำโคลนออกมา จึงซักด้วยผงซักฟอก

-เสื้อผ้าที่เปื้อนคราบน้ำชา
การขจัดรอยเปื้อนบนเสื้อผ้าโดยรีบเทน้ำเดือดลงบนรอยเปื้อนบนผ้าที่ยังเป็นรอยใหม่อยู่จนสีจางลงแล้ว รีบนำไปซักทันที ให้ซักในน้ำอุ่นกับสบู่ ถ้ายังไม่ออก ให้ใช้น้ำยาฟอกขาวเช็ด แล้วจึงซัก

-เสื้อผ้าที่เปื้อนคราบน้ำผลไม้ น้ำมันพืช
การขจัดรอยเปื้อนบนเสื้อผ้าโดยให้ขึงผ้าที่เปื้อนบนปากถัง เทน้ำเดือดลงตรงรอยเปื้อน แล้วจึงซัก

-เสื้อผ้าที่ขึ้นราเล็กน้อย
การขจัดรอยเปื้อนบนเสื้อผ้าโดยรีบนำผ้าที่ขึ้นราใหม่ๆ ซักในน้ำสบู่ร้อนๆ ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ / ให้บีบมะนาวลงไป แล้วแช่ผ้าไว้ในผงซักฟอกสักครู่ จึงซักผ้าตามปกติ

-เสื้อผ้าที่เลอะคราบเบียร์
การขจัดรอยเปื้อนบนเสื้อผ้าโดยซักในน้ำเย็นทันที หรือใช้แปรงจุ่มน้ำเย็น แปรงตรงรอยเปื้อนทันที

-เสื้อผ้าที่เปื้อนคราบน้ำส้มสายชู
การขจัดรอยเปื้อนบนเสื้อผ้าโดยผสมแอมโมเนีย 1 ช้อนชา ในน้ำ 2 ถ้วย (ครึ่งลิตร) แล้วแช่ 2-3 นาที ล้างออกแล้วซักตามปกติ

-เสื้อผ้าที่เลอะคราบน้ำหมาก น้ำหมึก
การขจัดรอยเปื้อนบนเสื้อผ้าโดยก่อนซักให้นำเกลือป่นโรยตรงรอยเปื้อน แล้วบีบน้ำมะนาว ลงไปให้ชุ่ม ผึ่งแดดไว้ครึ่งวัน จึงค่อยนำไปซัก

-เสื้อผ้าที่เลอะไข่
การขจัดรอยเปื้อนบนเสื้อผ้าได้โดยให้ผสมน้ำยาซักผ้ากับน้ำอุ่นซัก

-เสื้อผ้าที่เลอะยาทาเล็บ
การขจัดรอยเปื้อนบนเสื้อผ้าโดยซับที่รอยเปื้อนด้วยน้ำยาล้างเล็บ และเช็ดด้วยผ้าที่สะอาด จนกระทั่งรอยเปื้อนจางลง (ควรลองหยดน้ำยาล้างเล็บลงผ้าก่อน)